4 เทรนด์ด้านความยั่งยืนที่โรงงานผลิตกระดาษลูกฟูกนิยม

กระดาษลูกฟูกถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย เช่น กล่องกระดาษ บรรจุภัณฑ์กระดาษรูปแบบต่างๆ เพื่อการขนส่งที่ต้องไม่ให้ภายในเกิดการเสียหาย และ น้ำหนักที่เบาในการขนส่ง ทำให้เคลื่อนย้ายง่าย ทั้งยังมีประโยชน์ในด้านต้นทุนที่ถูกลง ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเพราะเป็นวัสดุย่อยสลายได้ และยังนำมารีไซเคิลได้ด้วย

ซึ่งหากมีแนวทางหรือนวัตกรรมใหม่ๆนำมาผสมผสานในระบบจะทำให้โรงงานผลิตกระดาษลูกฟูกสร้างความยั่งยืนของธรรมชาติ ไม่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการสร้างภาพลักษณ์และความยั่งยืนของบริษัทด้วยเช่นกัน วันนี้เราจึงนำ 4 เทรนด์ด้านความยั่งยืนที่ควรนำไปปฏิบัติสำหรับโรงงานผลิตกระดาษลูกฟูก

รวมเทรนด์ความยั่งยื่นที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้กับโรงงานผลิตกระดาษลูกฟูก

1. การนำวัสดุมารีไซเคิลมากขึ้น ( Increased use of recycled content )
การนำกระดาษลูกฟูกมารีไซเคิลช่วยลดปัญหาโลกร้อนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมากเพราะช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปเผาหรือฝังกลบ และ ยังลดมลพิษทางอากาศและน้ำจากกระบวนการทำลายด้วย นอกจากนั้นยังช่วยลดต้นทุนบริษัทให้มีค่าใช้จ่ายน้อยลง และยังช่วยเพิ่มมูลผลิตภัณฑ์ในด้านคุณค่าทางด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งวัสดุลูกฟูกนั้นนอกจากย่อยสลายเองตามธรรมชาติได้แล้วยังนำมารีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ด้วย แต่ต้องมีกระบวนการระบบโรงงานที่ชัดเจนและใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการคัดแยกและรวบรวม การบดและล้าง การแยกเส้นใยออกจากกระดาษลูกฟูกเพื่อไปแปรรูปเป็นเยื่อกระดาษรีไซเคิล การผสมและปรับคุณภาพ 

2. การออกแบบกระดาษลูกฟูกให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ( Design for sustainability )
การออกแบบกระดาษลูกฟูกนั้นต้องคิดให้ละเอียดตั้งแต่ วัสดุที่นำมาใช้ รูปลักษณ์และการออกแบบแต่ละรูปแบบและขนาด ขั้นตอนในการผลิต โดยส่วนแรกของการใช้วัสดุคือการเลือกใช้วัสดุจากการรีไซเคิลซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่ายต้นทุนและไม่ต้องทำลายธรรมชาติ หลังจากนั้นการออกแบบเพื่อให้ใช้วัสดุให้น้อยที่สุดแต่ยังมีความคงทน มีความแข็งแรง และ สามารถรองรับน้ำหนักได้เยอะตามคุณสมบัติที่ควรจะเป็น ซึ่งแต่ละขนาดแต่ละรูปแบบก็จะมีโครงสร้าง เลเยอร์ และ มีขั้นตอนที่เลือกใช้แตกต่างกัน ฝ่ายออกแบบจึงเป็นส่วนสำคัญในการช่วยให้กล่องกระดาษลูกฟูก หรือผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นมีวัสดุใช้น้อยลง แต่ยังคงตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอยู่

3. สามารถรู้แหล่งที่มาได้และมีความโปร่งใส ( Traceability and transparency )

ในโลกยุคใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป ผู้คนมีความตระหนักรู้ถึงผลกระทบถึงสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนจากการผลิตมากยิ่งขึ้น การเลือกใช้วัสดุ ขั้นตอนการผลิต แหล่งพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ หรือ ปริมาณคาร์บอนที่ปล่อยออกมาจากแต่ละโรงงาน ผู้ซื้อรู้ว่าการซื้อของของพวกเขาคือการสนับสนุนแต่ละบริษัทให้ทำให้ภาวะโลกร้อนแย่ลงหรือดีขึ้น 

ดังนั้นปัจจัยเรื่องความโปร่งใสในกระบวนการทั้งหมดจนมาถึงมือลูกค้านั้นจึงสำคัญในการเลือกซื้อหรือไม่ สิ่งที่โรงงานกระดาษลูกฟูกและโรงงานอื่นๆควรทำคือการเพิ่มความโปร่งใสด้วยการใช้สื่อมีเดียในการสื่อสาร เช่น ในเว็บไซต์บริษัทในส่วน CSR หรือการสื่อสารผ่านสื่อทีวี สื่อโฆษณาอื่นๆ ทำให้ลูกค้าตระหนักว่าบริษัทเรารับรู้ถึงปัญหานี้และมีการแก้ไข 

แต่แค่เพียงการสื่อสารนั้นไม่เพียงพอ ยังต้องมีการจัดทำจริงๆ และ ต้องสามารถติดตามตรวจสอบได้จากบุคคลอื่นๆเช่นรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยการจัดทำเหล่านี้ด้าน CSR อาจจะไม่ใช่แค่เพียงด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นการนำกำไรผลประกอบการคืนให้กับสังคม ให้กับการบริจาคผู้ยากไร้ หรือ เพื่อการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศ

4. ใช้พลังงานหมุนเวียน ( Use renewable energy )
การใช้พลังงานนั้นมีหลากหลายแหล่งที่มา ซึ่งบางแหล่งที่มาส่งผลเสียต่อธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น พลังงานฟอสซิล พลังงานถ่านหิน พลังงานน้ำมัน ซึ่งแตกต่างกับสิ่งที่ทุกวันนี้สังคมกำลังเปลี่ยนแปลงไปและสนับสนุนนั้นคือพลังงานหมุนเวียนจำพวก พลังงานลม พลังงานน้ำ พลังงานจากโซลาร์เซลล์ โรงงานผลิตกระดาษลูกฟูกนอกจากจะสามารถใช้วัสดุย่อยสลายได้และรีไซเคิลแล้วหากใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม จะยิ่งสามารถลดภาวะโลกร้อนและเพิ่มความน่าเชื่อถือจากลูกค้า ลดประมาณการปล่อยคาร์บอนและของเสีย นอกจากนั้นการใช้โซลาร์เซลล์ระยะยาวนั้นมีความคุ้มค่าต่อโรงงานที่มีพื้นที่หลังคาในการติดตั้งเยอะ และ หากมีปริมาณไฟฟ้าเหลือยังสามารถนำไปขายให้การไฟฟ้าได้อีกด้วย เทรนด์เหล่านี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ของโรงงานให้เป็นที่น่าเชื่อถือและยังส่งผลดีต่อธรรมชาติและสังคม ทำให้ในระยะยาวบริษัทมีความยั่งยืน เตรียมพร้อมต่อการเติบโตต่างประเทศที่ต้องได้รับการรองรับในมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้ลูกค้ารู้สึกดีในการใช้งานและพร้อมที่จะใช้งานซ้ำร่วมกับโรงงานที่ไม่ส่งผลเสียต่อธรรมชาติไปมากกว่านี้